เมื่องานเอกสารและการทำบัญชีเริ่มทำให้เจ้าของธุรกิจเสียโอกาสในการบริหารงาน เมื่อนั้นอาจถึงเวลาต้องหาคนช่วยทำบัญชี ลองคำนวณดูว่าธุรกิจของเรามีจำนวนบิลซื้อขายของธุรกิจที่ต้องจัดการในแต่ละวันมากเท่าไหร่ และเกินกำลังของเจ้าของธุรกิจจนต้องหาผู้ช่วยแล้วหรือไม่ หากเจ้าของธุรกิจยังเป็นบุคคล ยังไม่มีกำลังจ่าย ก็ยังไม่ต้องจ้างนักบัญชี แต่ถ้าเป็นนิติบุคคลแล้วก็จ้างสำนักงานบัญชีหรือนักบัญชีฟรีแลนซ์ในช่วงที่ต้องปิดงบการเงิน และทำ ภ.ง.ด. 50 ไปก่อนได้
เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กควรจ้างนักบัญชีเมื่อไหร่
คำตอบคือ เมื่อเจ้าของธุรกิจพร้อม
คำว่า พร้อม ในที่นี้หมายถึง
กำลังจ่ายของเจ้าของธุรกิจ หากมีทุนมากก็สามารถจ้างได้เลย แต่หากมีทุนน้อยไม่มีกำลังจ่าย
ลองประเมินตัวเองดู 2 เรื่องคือ เจ้าของธุรกิจมีสถานะอย่างไร
และปริมาณบิลที่ต้องจัดการมีจำนวนเท่าไหร่
สถานะของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่ยังมีทุนน้อย
มีสถานะเป็นบุคคลธรรมดา เช่น เจ้าของธุรกิจซื้อมาขายไป ขายสินค้าออนไลน์ เปิดร้านกาแฟ ขายขนม ฯลฯ
รายได้ยังไม่ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี
ยังไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม งานเอกสารก็จะยังมีไม่มาก
บัญชีที่ต้องทำจะมีแค่บัญชีรายรับรายจ่าย ก็ยังไม่จำเป็นต้องจ้างนักบัญชีเลยทันที
เจ้าของธุรกิจสามารถศึกษาคู่มือบัญชีหรือแผนธุรกิจของแนวธุรกิจที่ทำ
และสามารถเสียภาษีด้วยตนเองได้
มีสถานะเป็นนิติบุคคล หากยังมีทุนไม่เพียงพอในการจ้างพนักงาน ก็สามารถทำบัญชีและเสียภาษี ภ.พ.30 (จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
ได้ด้วยตัวเอง แต่หากต้องเสียภาษีครึ่งปี ภ.ง.ด.51 หรือภาษีเต็มปี ภ.ง.ด.50 ด้วย
ก็ควรจ้างสำนักงานบัญชี หรือนักบัญชีฟรีแลนซ์ทำให้ไปก่อน
ซึ่งในระหว่างนี้เจ้าของธุรกิจก็สามารถขอคำปรึกษาว่า ธุรกิจต้องทำบัญชีอะไร
หรือว่าจ้างให้บันทึกบัญชีโดยยังไม่ต้องจ้างพนักงานบัญชีประจำได้